สั่งเร่งติดตามคดีแก๊งตุ๋นลอตเตอรี่ หลังถูกหลอกสูญเงินหลายร้อยล้าน ร่ำไห้ขายที่นามาลงทุนกว่าสิบล้านบาท ผู้แทนจาก ๖ จังหวัดยื่นหนังสือให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดี DSI ช่วยเหลือ เตือนอย่าหลงเชื่อ

จากกรณีที่นายทศพร จิตรแม้น อายุ ๒๘ ปี บ้านเลขที่ ๑๗ ม.๑๒ ต.ดงครั่งใหญ่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด พร้อมนายยุทธนา ทองคำ อายุ ๒๒ ปี บ้านเลขที่ ๖๗ ม.๑๑ ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้หลบหนีคดี ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยการหลอกขายลอตเตอรี่ จนมีผู้หลงเชื่อยอมนำเงินมาลงทุน มีพ่อค้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ กว่า ๑๐๐ คน เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับยี่ปั๊วโกงเงินซื้อลอตเตอรี่สูญเสียเงินมากกว่า ๔๐๐ ล้านบาทนั้น

โดยเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ รอง ผบก. ภ.จว.สุรินทร์ ได้เรียกประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจในการเร่งรัคคดี โดยมี พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผกก.สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.รัตนบุรี นำโดย พ.ต.ท.ทองเดือน นามโคตร รอง ผกก.สอบสวน สภ.รัตนบุรี พ.ต.ท.สุพจน์ สุนทรานนท์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.รัตนบุรี พ.ต.ต.วิโรจน์ เพ็ชรบุญ สารวัตรสืบสวน ร.ต.อ.ประสิทธิ์ สมศรี รอง สว.(สอบ สวน) สภ.รัตนบุรี ในฐานะเจ้าของคดี ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.รัตนบุรี และชุดสืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ ลงพื้นที่ ตรวจค้นบ้านพักนายยุทธนา ทองคำ อายุ ๒๒ ปี บ้านเลขที่ ๖๗ ม.๑๑ ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา คดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผลการตรวจค้นภายใน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเอกสารส่วนหนึ่งจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ ๓๕๒ ม.๑๒ บ้านดอนแก้ว ต.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านที่นายทศพร จิตรแม้น หัวหน้าแก๊ง กับพวกได้มาขอเช่าเพื่อเป็นที่พักอาศัย ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิปาเจโร่ สปอร์ตสีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ก-๙๗๒๗ กทม. จำนวน ๑ คัน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปี้ จำนวน ๑ คัน พร้อมเอกสารจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามช่วงการตรวจค้นได้มีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าลอตเตอรี่ที่เสียหายต่างเดินทางมาสังเกตการณ์ เพื่อจะดูว่าได้ทรัพย์สินอะไรบ้าง

ด้านนางสุกัญญา สาแก้ว อายุ ๔๘ ปี บ้านเลขที่ ๖/๑ ม.๑๑  ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี  กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตนเองเป็นคนชื่อขอเช่าบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนายพิชญ์ชนกนันท์ ภวภูรีนนท์  อายุ ๕๔ ปี  ซึ่งตอนนี้ ตนแทบหมดเนื้อ หมดตัวเพราะได้ขายที่นา ได้เงิน ๓ แสนบาทมาลงทุน และมีพ่อแม่พี่น้องกู้ยืมเงินมาลงทุนซื้อลอตเตอรี่กับนายทศพร จิตรแม้นด้วย รวมแล้วเป็นเงิน ๑๐,๙๔๐,๐๐๐ บาท และต่อมาเป็นผู้รับผิดชอบค่าเช่าบ้านอีก ขณะนี้เจ้าของบ้านก็ขับรถมาถามทวงถึงโรงพัก ตนคิดไม่ออก อยากวิงวอนเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามนายทศพร จิตรแม้น และนายยุทธนา ทองคำ มา เพื่อขอเงินคืนด้วย

พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.รัตนบุรี จะได้ทราบยอดเงินที่แท้จริงว่า ขณะนี้มีเสียหายไปแล้วกี่ล้าน ส่วนการติดตามผู้กระทำความผิด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานประสานกันเต็มที่เพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป และขอฝากถึงกลุ่มผู้เสียหาย ใครที่ยังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้รีบมาร้องทุกข์ได้ ส่วนคนที่ร้องทุกข์ไว้แล้วขอให้แต่ละกลุ่มที่เป็นผู้เสียหาย ช่วยกันรวบรวมตัวเลขยอดเงินที่ถูกหลอกไปจริงๆ ว่า เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อจะได้ประมวลมูลค่าความเสียหายได้ถูกต้อง ส่วนทางด้านคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานประสานกันเต็มที่

และในเช้าวันนี้ (๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ยังมีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เสียหายจากคดีที่อ้างว่าถูกโกงลอตเตอรี่ ได้มารวมตัวกันเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีโดยเร็ว ทั้งนี้ นางสุกัญญา สาแก้ว อายุ ๔๘ ปี บ้านเลขที่ ๖/๑ ม.๑๑  ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตอนนี้ตนเป็นคนหมดตัวไปแล้วเพราะความโลภและหลงเชื่อนายทศพร เพราะการลงทุนซื้อลอตเตอรี่มาขาย โดยตนทำสัญญากับนายทศพรเป็นปี ทุกวันที่ ๗ ของเดือนจะได้รับลอตเตอรี่ไปจำหน่าย ทำมาประมาณ ๑ ปีแล้ว แรกๆ ก็ได้กำไรดีมาก ตนจึงขายที่นาได้เงิน ๓ แสนบาทมาลงทุนเพิ่ม พ่อแม่พี่น้องเห็นรายได้ดีก็ไปกู้ยืมเงินและขายที่นามาลงทุนด้วย รวมแล้วเป็นเงิน ๑๐,๙๔๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่นึกว่าจะถูกนายทศพรหลอก แค่นั้นยังไม่พอ ตนยังเป็นคนใช้ชื่อในการขอเช่าบ้านโดยได้ทำสัญญาไว้กับนายพิชญ์ชนกนันท์ ภวภูรีนนท์ อายุ ๕๔ ปีเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ ๓๕๒ ม.๑๒  บ้านดอนแก้ว ต.รัตนบุรี ซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น

“ซึ่งก่อนที่ตนจะได้เป็นผู้เช่าบ้านหลังนี้ นายทศพรได้บอกกับกลุ่มผู้ค้าขายลอตเตอรี่ด้วยกันว่า ตนต้องการมาเช่าบ้านหลังนี้อีกหลังหนึ่ง เพื่อสะดวกในการพูดคุย เพราะหลังเดิมแออัดมาก แต่ไม่ได้นำบัตรประชาชนมา ใครที่มีบัตรประชาชนช่วยทำหน้าที่เป็นคนเช่าบ้านให้ด้วย ตนจึงตกลงทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาเช่าบ้าน ในราคาเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท ทำสัญญาไว้ ๑ ปี แต่อยู่ได้เพียง ๒ เดือน นายทศพรก็หายไปตามที่เป็นข่าว” นางสุกัญญา กล่าว   

ขณะที่นางสุกัญญากำลังให้สัมภาษณ์ นายพิชญ์ชนกนันท์ ภวภูรีนนท์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่าได้เรียกไปพบที่รถซึ่งจอดอยู่หน้า สภ.รัตนบุรี บอกว่าให้รีบหาเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้านโดยด่วน และให้จ่ายค่าเสียหายที่ทำกำแพงพังไปด้วย ทำให้นางสุกัญญาถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพื่อนๆ กลุ่มผู้เสียหายเห็นจึงเดินเข้ามาปลอบใจ ขณะที่นางจันทร์เพ็ญ บุญชมพู อายุ ๓๑ ปี บ้านเลขที่ ๔๐ ม.๑๔ บ้านผือใหญ่ อ.รัตนบุรี หนึ่งในกลุ่มพ่อค้าลอตเตอรี่ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายตอนนี้ทุกคนแทบจะเป็นบ้าตาย หวังอย่างเดียวเป็นที่พึ่งคือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยเร่งติดตามคดีนำตัวคนร้ายมาโดยเร็ว

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน (๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ที่จังหวัดชัยภูมิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และส.ส.พรรคประชาชาติ ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณ และกรรมาธิการแก้ไขปัญหาที่ดินสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เดินทางลงพื้นที่ชัยภูมิ เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาที่ดินในพื้นที่นั้น ในโอกาสนี้มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง นำโดยนางสาวนิติยา ใยดี อายุ ๓๕ ปี และนางพัชรนันท์ แพงยา อายุ ๕๓ ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ด้วย กรณีถูกหลอกลงทุนแชร์ลอตเตอรี่ ในราคาถูกเพียงใบละ ๖๕-๗๐ บาท กระทั่งได้รับความเสียหาหลายร้อยล้านบาท ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อนับพันคนในพื้นที่ ๖ จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และนครราชสีมา

พ.ต.อ.ทีวี สอดส่อง กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทั้งในส่วนของจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะเป็นส.ส.ก็จะรับเรื่องไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางลงมาช่วยเหลือราษฎรในครั้งนี้โดยเร็วต่อไป รวมทั้งในกรณีแชร์ลอตเตอรี่ ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกองสลากฯ หามาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออีก และจะช่วยติดตามความคืบหน้าคดีช่วยชาวบ้านที่ครั้งนี้คาดว่ายังมีอีกมากที่ตกเป็นเหยื่อและยังไม่เปิดเผยตัว และอยากฝากประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะปัญหาการถูกหลอกซื้อหรือร่วมลงทุนซื้อลอตเตอรี่ราคาถูกนั้น อย่าไปหลงเชื่อคนง่ายๆ ซึ่งเรื่องนี้ทางกองสลากฯ พยายามแจ้งเตือนอยู่ตลอด และไม่อยากให้หลงเชื่อแบบนี้อีก

“ลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ เขาลงทุนให้เราซื้อในราคาถูกได้ช่วงแรกๆ พอหลงเชื่อก็หลอกเพิ่มทุนให้มากขึ้นและหอบทั้งทุน-กำไรหนีหมด เมื่อจะตามเรื่องก็ยากแล้ว ควรช่วยกันตรวจสอบระวังให้มาก อย่าหลงเชื่ออีก แต่เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นทุกฝ่ายก็ต้องลงมาช่วยเหลือ และจะช่วยติดตามทางคดีช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มนี้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากรวมกว่า ๖ จังหวัดในภาคอีสาน เพื่อติดตามตัวคนก่อเหตุกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้โดยเร็วต่อไป” พ.ต.อ.ทวี กล่าวย้ำ

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๔๙ วันพุธที่ ๑๔ - วันอังคารที่ ๒๐ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓