September 10,2021
เทศบาลนครโคราชเปิดลงทะเบียน ฉีด "ซิโนฟาร์ม" 22,000 โดส
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2564 ที่ห้องประชุมชั้น 5 เทศบาลนครนครราชสีมา มีการแถลงข่าวและเปิดลงทะเบียนรับวัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งเทศบาลนครฯ จัดสรรจำนวน 22,000 โดส นำโดยนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีฯ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน นายไกรสีห์ หล่อธราประเสริฐ รองนายกเทศมนตรีนครฯ และนายทวีศักดิ์ พันธ์วิเศษศักดิ์ ปลัดเทศบาลนครฯ
นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา แถลงว่า สถานการณ์ในจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างสูงสุดแบบเคร่งครัดเพื่อลดการป่วยและการเสียชีวิตของประชาชน ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่เฉพาะในเขตเทศบาลนครฯ มีผู้ป่วยสะสม 688 ราย เสียชีวิต 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.6 ถือว่ายังเป็นตัวเลขที่สูง นอกจากการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด เทศบาลนครฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเราได้แสดงเจตจำนงไปยังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ว่าเราต้องการที่จะจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์ม ทางราชวิทยาลัยฯ อนุมัติและแจ้งให้ทราบว่า เทศบาลนครฯ สามารถที่จะได้รับการจัดสรรวัคซีน 22,000 โดส สำหรับฉีดให้พี่น้องประชาชน จำนวน 11,000 คน โดยฉีดคนละ 2 ครั้ง เข็มแรกห่างจากเข็มที่ 2 ประมาณ 3-4 สัปดาห์ และการฉีดวัคซีนที่เทศบาลนครฯ จัดหามานี้ ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในการนี้เทศบาลนครฯ ได้เกิดช่องทางให้ประชาชนรับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มผ่านเพจของเทศบาลนครฯ www.koratcity.go.th และทางแอปลิเคชัน koratcity, QR code หรือลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการสาธารณสุขในเขตเทศบาลนครฯ ทั้ง 15 แห่ง โดยจะเปิดลงทะเบียนระยะแรกหลังการแถลงข่าวในวันนี้ จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2564
สำหรับหลักเกณฑ์ผู้ได้รับวัคซีนคือ คือ 1.ต้องเป็นประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาลนครฯ มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา 2.สัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยใช้รหัสบัตรประชาชน เลข 13 หลัก เพื่อลงทะเบียน 3.เป็นบุคคลยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ว่าชนิดใดมาก่อน ในขณะที่การจัดสรรวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะพิจารณาจัดสรรวัคซีนตามกลุ่มตามที่ราชวิทยาลัยฯ กำหนด ได้แก่ 1.กลุ่มองค์การนักศึกษา 2.บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทุกสายอาชีพ ทั้งสายสนับสนุนและ อสม. 3.องค์กรการกุศล เช่น มูลนิธิกู้ชีพ กู้ภัย อปพร. อสตร. จิตอาสา กลุ่มสตรีแม่บ้าน 4.คนพิการ 5.ผู้ด้อยโอกาสหรือชุมชนแออัด 6.ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป หรือเป็นผู้ป่วยติดเตียง 7.พระภิกษุหรือนักบวช 8.กลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในพื้นที่ระบาด ภาคธุรกิจการค้า ภาคการท่องเที่ยว และการขนส่ง เป็นต้น
ส่วนประชากรที่เราถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบางจะมีผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ชุมชนแออัด ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุ ก็จะได้รับการจัดสรรวัคซีน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ทั้งนี้หลังจากตรวจสอบสิทธิ์การได้รับวัคซีน เราจะประกาศผู้ที่ได้รับวัคซีนและผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนพร้อมทั้งแสดงเหตุผลให้ทราบ ส่วนกำหนดการ วัน เวลา และสถานที่การฉีดวัคซีนจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง สามารถติดตามตรวจสอบข้อมูลได้ที่เพจประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา, แอป koratcity และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1132 นี่คือสิ่งที่เราจะได้เตรียมการจัดการหาวัคซีนเพิ่มเติมให้กับพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครฯ
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล กล่าวว่า ถ้ามาดูในภาพรวมของจังหวัดนครราชสีมา ประชากร 2.6 ล้านคน เราฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ติดเชื้อสะสม 21,272 คน เสียชีวิต 151 คน คิดเป็น 0.7% ซึ่งถ้าเทียบกับอัตราการเสียชีวิตทั้งประเทศ ซึ่งประเทศอยู่ที่ 1% สำหรับเทศบาลนครฯ มีผู้ติดเชื้อสะสม 668 ราย เสียชีวิต 12 ราย คิดเป็น 1.6% ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูจำนวนประชากรเทศบาลนครฯ มีประมาณ 130,000 คนเศษ มีอายุ 18 ปีขึ้นไปประมาณ 97,000 คนเศษ ในบรรดาคนกลุ่มนี้ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 65,000 คนเศษ หรือประมาณ 66% แต่ถ้ามานับประชากรทั้งหมดของเทศบาลนครฯ ซึ่งมีประมาณ 130,000 คนเศษนั้น จะได้ประมาณ 50% เท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเป้าหมายของเราต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว เราจะต้องฉีดวัคซีนให้คนในเขตเทศบาลนครฯ ให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 70% ขึ้นไป จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เทศบาลนครฯ ได้จัดหาวัคซีนมาฉีดเพิ่มเติมนอกจากที่รัฐบาลจัดหา เพื่อที่จะให้ครอบคลุมประชากรในเขตเทศบาลนครฯ ให้มากขึ้นและเร็วขึ้น จึงดำเนินการจัดหาวัคซีนจากราชวิทยาลัยฯ ซึ่งในครั้งนี้ เทศบาลนครฯ ได้จัดหา 22,000 โดส ฉีด 11,000 คน ขอให้ประชาชนทีมีคุณสมบัติตามที่กำหนดมาลงทะเบียนโดยเร็ว
จากนั้น เป็นการทำพิธีเปิดลงทะเบียน สำหรับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มของเทศบาลนครฯ จำนวน 22,000 โดสในครั้งนี้ เป็นเงิน 15,378,000 บาท และจะดำเนินการโอนเงินให้กับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ภายในวันนี้ ส่วนการดำเนินการฉีดนั้นมีการประสานกับโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมาในการดำเนินการฉีดที่จุดบริการเดอะมอลล์โคราช
76 1,625