5thFebruary

5thFebruary

5thFebruary

 

December 18,2024

สนาม ‘อบจ.โคราช’ เดือด! ‘มารุต’ภัยคุกคามบ้านใหญ่ ‘หน่อย’ลาออกก่อนหมดวาระ ‘ชาติพัฒน์-ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ชิง‘ส.จ.’เมือง ๘ เขต

สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.นครราชสีมา ระอุ “ดร.ธนพร” วิพากษ์บ้านใหญ่ไม่เคยคิดการใหญ่ มอง “มารุต ชุ่มขุนทด” เป็นภัยคุกคามบ้านใหญ่ แถมจะถูกบ้านใหญ่รุมทอดกฐิน แต่พร้อมสู้เต็มที่ ท้ายสุด “หน่อย-ยลดา” ลาออกก่อนครบวาระ ๗ วัน แต่กกต.ยังกำหนดเลือกตั้ง ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เหมือนเดิม ส่วนส.อบจ.อำเภอเมือง ๘ เขตต้องลุ้น ๓ กลุ่มการเมืองช่วงชิง

ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ที่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ โดย กกต.จะต้องแต่งตั้ง กกต.ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน ๕ คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งดังกล่าว โดยมีหน้าที่และอำนาจในการกำกับดูแลและอำนวยการการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง การนับคะแนนเลือกตั้ง การประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้ง รายงานผลการเลือกตั้งต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และปฏิบัติการใดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ และแก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมาย โดยมีการประกาศรับสมัครระหว่างวันที่ ๒๘ ตุลาคม-๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ นั้น โดย กกต.ประจำ อบจ.นครราชสีมา ๕ คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.คเชนท์ เสตตะปุตตะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นายวินุลาศ เจริญชัย อดีตผู้อำนวยการสถานศึกษา, พ.อ.วีระศักดิ์ สาระชาติ อดีตเจ้าหน้าที่ กอ.รมน., นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายอนันต์ ถ้ำทอง ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ทั่วประเทศนั้น กกต.กำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งระหว่างวันที่ ๒๓-๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๓๐ น. โดยจังหวัดนครราชสีมาใช้อาคารชาติชายฮอลล์ สนามกีฬา ๘๐ พรรษา นครราชสีมา เป็นสถานที่รับสมัคร จากนั้นในวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๘ ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร และวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เป็นวันเลือกตั้ง

ในขณะที่ผู้ประกาศตัวจะลงสมัครนายก อบจ.นครราชสีมา ตามที่ “โคราชคนอีสาน” เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องคือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือ “กอล์ฟ” ซีอีโอร้านกาแฟ คลาส คาเฟ่ ซึ่งลงพื้นที่พบปะประชาชนใน ๓๒ อำเภอของจังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะลงสมัครในนามอิสระ นับเป็นผู้ท้าชิงของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ “หน่อย” นายก อบจ.นครราชสีมา ซึ่งในส่วนตัวของนางยลดานั้น ไม่มีท่าทีว่าจะลาออกก่อนครบวาระ เหมือนนายก อบจ.ในจังหวัดอื่นๆ ที่ลาออกไปกว่า ๔๔ จังหวัด แต่คนใกล้ชิดยืนยันว่าจะลงสมัครต่ออีกสมัยอย่างแน่นอนนั้น

ชื่นชมกอล์ฟลงพื้นที่จริง
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ คลาสคาเฟ่ หน้าย่าโม นายมารุต ชุ่มขุนทด ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา ได้เชิญ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล หรือ “ดร.จ๊ะ” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย และศิษย์เก่าราชสีมาวิทยาลัยรุ่น ๘๓ นักวิจารณ์การเมืองชื่อดัง มาพูดคุยถึงการประกาศตัวลงสนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมาในครั้งนี้

โดย รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า วันนี้ตนมางานเลี้ยงของศิษย์เก่าราชสีมาวิทยาลัยรุ่น ๘๓ จึงมาร่วมพูดคุยกับนายมารุต รวมทั้งให้กำลังใจในฐานะว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา ที่ไม่ใช่บ้านใหญ่ ซึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง จังหวัดนครราชสีมาไม่เคยขาดแคลนบ้านใหญ่ แต่บ้านใหญ่ไม่เคยคิดใหญ่ นี่คือปัญหา จังหวัดนครราชสีมามีบ้านใหญ่ทุกยุค แต่บ้านใหญ่แต่ละหลังไม่เคยคิดการใหญ่ วันนี้จึงอยากมาคุยกับคนที่ไม่ใช่บ้านใหญ่แต่คิดใหญ่ ซึ่งได้ทดสอบวิธีคิดใหญ่หลายเรื่อง ตนคิดว่าเราไม่เคยมีนักการเมืองท้องถิ่นที่คิดการใหญ่แบบนี้มาก่อน และทำให้รู้ว่าเขาลงพื้นที่จริง สามารถตอบได้ทุกอย่าง ซึ่งคนที่ไม่ได้ลงพื้นที่จริงจะไม่สามารถตอบคำถามในเชิงยุทธศาสตร์ได้ แต่เขาเหนือกว่านักการเมืองท้องถิ่นของโคราชที่เราเคยเห็นมาคือ เขามองแล้วเขาเชื่อมได้ ซึ่งเป็นบทบาท อบจ.ที่คาดหวัง แล้วสิ่งที่ตนดีใจมากที่สุดคือ อบจ.ต้องเป็นปากเป็นเสียงในการไปต่อรองกับหน่วยงานอื่นในนามของตัวแทนคนโคราช เราจะให้พี่น้องซึ่งอยู่ตามอําเภอมาต่อรองกับรัฐบาลกลาง มาต่อรองกับกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ไม่ได้ แต่อบจ.นครราชสีมาทําได้เพราะเสียงดัง ตนคิดว่ากอล์ฟสามารถตีบทการทํางานในหน้าที่นายก อบจ.ได้แตกต่างจากนักการเมืองท้องถิ่นคนอื่นของจังหวัดนครราชสีมา ตนไม่แปลกใจเรื่องระดับบิ๊กเนมของเมืองโคราชที่ไปเป็นนักการเมืองระดับชาติ แต่วันนี้เมืองโคราชสําลักการพัฒนาจากระดับชาติ ตนใช้คําว่า สําลัก เพราะโครงการต่างๆ มาลงเมืองโคราชจนไม่รู้อะไรคืออะไร เดี๋ยวหน่วยงานนั้นเอาถนนมา เดี๋ยวหน่วยงานนี้เอามหา’ลัยมา เอาสนามกีฬามา จนไม่อยากจะบอกว่าจังหวัดนครราชสีมาจะเข้าข่ายสําลักโครงการ เปรอะไปหมดแต่ไม่ลิงก์กัน ซึ่งตนดีใจที่กอล์ฟจะใช้บทบาทของอบจ.ในการสร้างแกนในการวางแผนพัฒนาจังหวัด ที่จะตอบโจทย์คนพื้นถิ่นจริงๆ

โคราชขาดนักการเมืองคิดใหญ่
“ผมเน้นย้ำว่า จังหวัดนครราชสีมาไม่เคยขาดแคลนบ้านใหญ่ แต่สิ่งที่เราขาดคือนักการเมืองที่คิดการใหญ่ อันนี้เราขาด โคราชเคยมีส.ส.ไปเป็นรัฐมนตรีหลายท่าน ไปเป็นนายกฯ ก็มี แต่คําถามคือ ‘การใหญ่’ จากการที่เรามีผู้แทนของเราไปนั่งอยู่ตรงนั้น เราได้จริงหรือเปล่า แต่วันนี้ผมกลับคิดว่าการที่นายมารุตมาลงนายก อบจ.แล้วมีมุมมองที่จะใช้อบจ.ในการเป็นแกนกลางประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงส่วนราชการอื่นๆ ให้ขับเคลื่อนไปบนแผนซึ่งคนโคราชคิดร่วมกันและได้ประโยชน์ร่วมกัน สิ่งนี้คือมิติใหม่ของ อบจ.นครราชสีมา จึงขอให้กําลังใจกอล์ฟ แต่ว่าผมบอกกับทุกคนว่า ผมไม่ได้มาให้กําลังใจอย่างเดียว ช่วงที่มีการสมัครแล้ว ผมจะแอบมาดูทุกเบอร์ของผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา และถ้ามีโอกาสจะมานั่งวิเคราะห์ให้ฟังว่าเบอร์ไหนเป็นอย่างไรเพื่อความเป็นธรรม ใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่เป็นไร แต่มองจากสายตาลูกโคราชที่สังเกตการณ์ และคิดว่าผมมีประสบการณ์มีข้อมูลมากพอที่จะมาวิเคราะห์วิจารณ์ได้” รศ.ดร.ธนพร กล่าว

รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล หรือ “ดร.จ๊ะ” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย และศิษย์เก่าราชสีมาวิทยาลัยรุ่น ๘๓

บางอย่างไม่ตอบโจทย์คนในพื้นที่
รศ.ดร.ธนพร แสดงทัศนะว่า “ในการเลือกตั้งระบบบ้านใหญ่ต้องได้เปรียบ ซึ่งที่ผ่านมาเราผูกกับการเมืองแบบบ้านใหญ่มานานแล้ว แล้ววันนี้เราลองย้อนกลับไปดูว่ามีอะไรที่รู้สึกว่าจับต้องได้ ผมไม่ได้บอกว่าการเมืองแบบบ้านใหญ่ไม่ดี แต่ถ้าการเมืองแบบบ้านใหญ่ทําให้เราคิดเล็ก ผมถือว่าไม่ใช่แล้ว การเมืองแบบบ้านใหญ่ทําให้เราคิดเล็กจริงๆ เพราะไม่เคยสนใจเรื่องงบพัฒนาท้องถิ่น ทุกคนล้วนแต่เข้าเป็นรัฐมนตรี แล้วก็สั่งการจากส่วนกลางลงมา จึงได้เห็นว่าโครงการในจังหวัดนครราชสีมาว่า มาได้อย่างไร มาเพราะความปรารถนาดีจากกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ ซึ่งบ้านใหญ่ของเราเข้าไปมีอํานาจ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์คนท้องถิ่น และยิ่งทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยิ่งอ่อนแอลง แม้การเมืองบ้านใหญ่จะมีความได้เปรียบ แต่ไม่เสมอไป ผมเชื่อว่าวันนี้พี่น้องโคราชเราเปลี่ยน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณกอล์ฟสามารถที่จะเข้าไปอธิบายความคิดให้กับพี่น้องชาวโคราชว่า ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนได้แล้วมากน้อยเพียงใด คิดว่าคุณกอล์ฟสู้ได้ ถ้าจะสู้ไม่ได้อย่างเดียวคือไม่มีตังค์”

‘กอล์ฟ’คือภัยคุกคามบ้านใหญ่
“โคราชคนอีสาน” ถามว่า คาดว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะดุเดือดหรือไม่? รศ.ดร.ธนพร ตอบว่า “ดุเดือด คุณกอล์ฟถือว่าเป็นภัยคุกคามใหม่ คือระบบบ้านใหญ่โคราช ผมยอมรับ เรายอมรับก่อนนะโคราชไม่เคยขาดแคลนบ้านใหญ่ แต่การเกิดขึ้นของกอล์ฟ ทําให้บ้านใหญ่รู้สึกว่านี่คือภัยคุกคามของเขา เพราะแทนที่จะยอมรับกับระบบที่เป็นอยู่ตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นปู่ รุ่นย่า ก็อยู่อย่างมีความสุขได้ แต่ทําไมรนหาที่ และด้วยวิธีการคิดแบบนี้จึงถือเป็นคนที่กล้าคิดใหญ่ ซึ่งเมืองโคราชในฐานะผู้นําองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเราขาดคนแบบนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่เพิ่งมาขาดใน ๑๐ ปีหลัง เราขาดผู้นําท้องถิ่นแบบนี้มาโดยตลอด”

เมื่อถามอีกว่า การลงประกาศตัวลงสมัครครั้งนี้ของนายมารุตจะถูกบ้านใหญ่รุมหรือไม่? รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า “รุมอยู่แล้ว ถ้าผมเป็นบ้านใหญ่ ผมก็ต้องกระทืบกอล์ฟ” ต่อข้อถามที่ว่าโคราชมีบ้านใหญ่กี่หลัง? รศ.ดร.ธนพร ระบุว่า “ตอนนี้คาดการณ์ได้ประมาณ ๓ หลังเป็นอย่างน้อย วิธีรุมไม่ได้แปลว่า เขาจะต้องมาตัดคะแนนกันเอง แต่เขาจะทอดกฐิน ๑ กอง กฐินสามัคคีเพื่อมารุมกระทืบกอล์ฟ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการเมืองของโคราชก็คือการปะทะกันระหว่างความเปลี่ยนแปลงซึ่งต้องมาถึง อยู่ที่ว่าคนโคราชของเราจะยอมให้การเปลี่ยนแปลงมาถึงช้ากว่าจังหวัดอื่นใช่ไหม? ทั้งๆ ที่จังหวัดเราเป็นจังหวัดหน้าด่านของภาคอีสาน กลายเป็นว่าจังหวัดอื่นเขาปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้กันแล้วอย่างที่เราเห็น แต่โคราชเรารู้สึกว่าทําไมเราต้องช้ากว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่างซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าจังหวัดอื่น”

นายมารุต ชุ่มขุนทด ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.นครราชสีมา

พร้อมเต็มที่
ทางด้านนายมารุต ชุ่มขุนทด เปิดเผยว่า เดินทางลงพื้นที่ไปแล้ว ๒๘๙ ตำบล เหลือเพียงไม่กี่ตำบล มีเสียงตอบรับที่ดี ไม่คาดคิดว่าจะมีคนรู้จักในพื้นที่อำเภอซึ่งไกลจากตัวเมืองถึง ๑๒๐ กม. หลายคนรอคอยการลงพื้นที่ และเรานำเรื่องราวของการลงพื้นที่นั้นมาเสนอบนโซเชียลมีเดียด้วย เป็นการลงพื้นที่แบบสร้างสรรค์ เข้าไปช่วยคนในพื้นที่ จึงได้ภาพของว่าที่ผู้สมัครแล้วยังเป็นเหมือนอินฟลูฯ ด้วย บางอำเภอก็มาปรึกษาว่าทำอย่างไรจะโปรโมตอำเภอหรือโปรโมตงานให้คนสนใจ จึงได้รับการต้อนรับที่ดีมาก รวมทั้งประชาชนในระดับรากหญ้าก็ฝากความหวัง บางคนเข้ามาบอกเล่าปัญหาให้ฟังอย่างจริงใจ จึงได้รู้ปัญหาของประชาชน และนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ ตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ แม้ว่าเราจะสู้มือเปล่า คนเริ่มรู้จักกอล์ฟ-มารุต ชุ่มขุนทด มากขึ้น ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นป้ายแนะนำตัวแล้ว และรู้สึกว่ามีความหวังอยู่ในสิ่งที่พวกเรากําลังทําอยู่

ต้องร่วมกันเปลี่ยน
ท้ายสุดนายมารุต ชุ่มขุนทด ฝากถึงประชาชนว่า วันนี้ไม่ใช่แค่เลือก แต่จะทําอย่างไรให้มีการลงมือทําร่วมกัน การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในโคราชไม่ได้ถ้าแค่คนๆ เดียวทํา มีกี่กอล์ฟก็ไม่พอ แต่ถ้าทุกคนมาช่วยพร้อมๆ กัน เมืองเราจะก้าวกระโดดได้ เราอยู่เฉยไม่ได้ แค่กาไม่พอ ต้องออกมาแสดงความคิดเห็น ออกมาแสดงจุดยืน แสดงความกระหาย แสดงความอยากที่จะเปลี่ยน นั่นแหละคือสิ่งที่เราจะทําได้ ซึ่งในช่วงการหาเสียงตนก็จะลงพื้นที่ทั้ง ๓๒ อำเภอ

‘หน่อย’ลาออกก่อนหมดวาระ
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ “หน่อย” บ้านใหญ่โรงแป้งมันเอี่ยมเฮง ได้ยื่นหนังสือลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา และให้มีผลในวันนี้เช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะไม่ลาออก แต่มาลาออกในวันนี้ทั้งที่เหลืออีกเพียง ๗ วันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ฯ คือในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ และจะมีการรับสมัครเลือกตั้งระหว่างวันที่ ๒๓-๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ และเลือกตั้งในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ โดยมีสมาชิกสภา อบจ.ฯ ลาออกในครั้งนี้ด้วย ๑๓ คน

นางยลดา หวังศุภกิจโกศล

๓ กลุ่มชิงส.อบจ.เมือง ๘ เขต
ทางด้านความเคลื่อนไหวในส่วนของผู้สมัครส.อบจ.นครราชสีมานั้น กลุ่มก้าวไกลโคราช (พรรคประชาชน) ได้เปิดตัวผู้สมัครในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ จำนวน ๑๔ คน ๑๔ เขต ใน ๕ อำเภอ โดยในอำเภอเมืองเปิดตัวครบทั้ง ๘ เขต ได้แก่ เขต ๑ มีนายธนาคม วิมลวัตรเวที หรือ “แอ้ม” อดีตประธานสภาเทศบาล นครฯ (สมัยนายสุรวุฒิ เชิดชัย เป็นนายกเทศมนตรีฯ) ซึ่งน่าจับตาเพราะสมัยที่ผ่านมาเจ้าของพื้นที่คือนายก้องเกียรติ วงศ์นิยม ที่ลงสมัครในกลุ่มโคราชชาติพัฒนา แต่ภายหลังได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา และน่าจะย้ายไปสังกัดกับกลุ่มของนายกฯ หน่อย (ยลดา หวังศุภกิจโกศล), เขต ๒ นายภัคฐิชา พรหมจรรยา, เขต ๓ นายอาทิตย์ จุฑาจินดาเขต, เขต ๔ นาย กฤษฏวัฒน์ (บิ๊ก) อินทรักษา ลูกชาย ร.ต.อ.สุปชัย อินทรักษา อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย, เขต ๕ นายกฤตภาส เกตุศรีชัย, เขต ๖ นายภาคภูมิ ประชญาภูมิวงศ์, เขต ๗ นางสาวพศวีร์ ภูนพมาศพงษ์ และเขต ๘ นายอนุวัฒน์ แซ่โค้ว ส่วนที่อ.ปากช่อง เขต ๑ นายไวทยางค์ ปิติวรา, เขต ๒ นายสำเริง เกตุทองคำ และเขต ๓ ร.ต.อ.ทองแดง ข้อนอก, อ.เทพารักษ์ นายสกุล ทองสงฆ์, อ.ขามสะแกแสง นางสาวสุชาดา มุ่งยุดกลาง, อ.เมืองยาง นายกฤษฎา พิมพ์จันทร์

ว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา กลุ่มก้าวไกลโคราช (พรรคประชาชน)

ส่วนกลุ่มโคราชชาติพัฒนา (พรรคชาติพัฒนา) ในอำเภอเมือง ๘ เขต ซึ่งสมัยที่แล้วได้ ๖ ที่นั่ง ในสมัยนี้เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ในเขตอำเภอเมือง ๘ คน ได้แก่ เขต ๑ นายองอาจ พฤกษ์พนาเวศ (อดีตส.อบจ.เขต ๓), เขต ๒ นางวันเพ็ญ สุวัฒโนดม รองนายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล (ภริยานายปรีดา สุวัฒโนดม ส.ท.เทศบาลนครฯ เขต ๓), เขต ๓ นายเกริกฤทธิ์ โชติธาพิพัฒน์ (ทนายต้อม) ส.ท.เทศบาลนครฯ เขต ๓, เขต ๔ นายสุมิตร คเชนทร์ชาติ ปราบจะบก เจ้าพนักงานศาลปกครองนครราชสีมา, เขต ๕ นางสาวรัชฎา ใจกล้า เจ้าของพื้นที่เดิม, เขต ๖ นายธีรวีร์ มิตรสูงเนิน เจ้าของพื้นที่เดิม, เขต ๗ นางสาวธนัชพรรณ พัฒน์จินากูล อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลจอหอ และอดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลจอหอ, เขต ๘ นายสรรชัย กาญจนวัฒนา (บอส) เจ้าของพื้นที่เดิม

ในขณะที่กลุ่มโคราชโฉมใหม่ของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ในเขตเมืองน่าจะส่งลงสมัครครบทั้ง ๘ เขต โดยมีส.อบจ.เดิมอยู่แล้ว คือเขต ๒ นายอดุลย์ อยู่ยืน และเขต ๔ นายประพจน์ ธรรมประทีป รวมทั้งในเขต ๑ ซึ่งนายก้องเกียรติ วงศ์นิยม ส.อบจ.สมัยที่แล้วซึ่งลาออกจากชาติพัฒนาและสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่จะลงสมัครรักษาเก้าอี้เดิมไว้

ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีส.อบจ. ๔๘ คนจาก ๓๒ อำเภอ โดยอำเภอเมืองแบ่งเป็น ๘ เขต, อำเภอปากช่อง ๔ เขต, อำเภอครบุรี ปักธงชัย สีคิ้ว โนนสูง ด่านขุนทด พิมาย อำเภอละ ๒ เขต ส่วนอำเภอที่เหลืออำเภอละ ๑ เขต

อนึ่ง การเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา สมัยที่ผ่านมาเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีผู้สมัคร ๕ คน โดยผู้ได้คะแนนอันดับ ๑ หมายเลข ๒ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล กลุ่มโคราชโฉมใหม่ ได้ ๖๒๔,๒๙๘ คะแนน, อันดับ ๒ หมายเลข ๑ นายสาธิต ปิติวรา พรรคอนาคตใหม่ ได้ ๒๕๘,๔๔๙ คะแนน, อันดับ ๓ หมายเลข ๓ นายสำเริง แหยงกระโทก (หมอแหยง) อดีตนายก อบจ. ได้ ๒๒๐,๙๒๐ คะแนน, อันดับ ๔ หมายเลข ๔ นายวิฑูรย์ ชาติปฏิมาพงษ์ (นายกฯ แก้ว) อดีตนายก อบจ. ได้ ๔๐,๔๓๓ คะแนน และอันดับ ๕ หมายเลข ๕ นายตรีเพชร พรหมนิติพันธุ์ อดีตส.ส. ได้ ๘,๘๐๒ คะแนน (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) โดยมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามทะเบียนราษฎร์ ๒,๐๗๕,๒๗๐ คน มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ๑,๒๙๕,๕๕๔ คน จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาทั้งหมด จำนวนบัตรดี ๑,๑๕๒,๕๕๖ บัตร บัตรเสีย ๗๑,๒๓๘ บัตร จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด จำนวน ๗๑,๗๖๐ บัตร จากยอดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๓

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๕๐ ฉบับที่ ๒๗๗๑ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน - วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๗


302 5,222