เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๙ ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) นครราชสีมา กลุ่มประชาชนชาวโคราชที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งบ่อนกาสิโนของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้รวมตัวกันสวมเสื้อขาวและบางส่วนเสื้อดำกว่า ๓๐๐ คน นำโดยนายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรโคราช พร้อมด้วยนายชุบ ชัยฤทธิไชย ทนายความภาคประชาชน นายอดิศักดิ์  (อ.ชายน้อย) ชนสูงเนิน ประธานองค์กรเครือข่ายต้านการทุจริตภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งนายอรุณ อัครปรีดี คหบดีชาวโคราช และนางสาวสุรีรัตน์ ด่านกุล หรือทนายอ๋อย และนายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อแสดงพลัง “คัดค้านร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” โดยตั้งโต๊ะล่ารายชื่อและพร้อมส่งเสียง “โคราชไม่เอากาสิโน” ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความสงบ และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปด้วยความสันติ

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีการโบกธงชาติไทย ร้องเพลงมาร์ชราชสีมา และเพลงปลุกใจอื่นๆ โดยนายชุบ ชัยฤทธิไชย ได้อ่านแถลงการณ์ต่อหน้าประชาชนที่ไปชุมนุมในครั้งนี้ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนสู่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาเพื่อยื่นหนังสือต่อนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวีดนครราชสีมา แต่ผู้ว่าฯ ไม่อยู่ มีเพียงนายธวัชชัย ตาเมือง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยรับปากจะนำเสนอผู้ว่าฯ ต่อไป

ทั้งนี้นายชุบ ชัยฤทธิชัย ได้อ่านแถลงการณ์ของประชาชนผู้รักชาติไม่เอาการพนันของชาวจังหวัดนครราชสีมา ดังนี้

สืบเนืองจากที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบนำเสนอร่างพระราชบัญญัญัติสถานบันเทิงครบวงจร ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาผ่านเป็นกฎหมายออกมาใช้บังคับ โดยมีสาระสำคัญว่า สถานบันเทิงดังกล่าวนั้น จะมีบ่อนกาสิโน เป็นองค์ประกอบในสถานบันเทิงด้วย ความเป็นที่ทราบแล้ว นั้น

พี่น้องที่มาปรากฎตัว ณ  ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ ประชาชนชาวนครราชสีมา ผู้มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีความปรารถนาดีต่อสังคมส่วนรวม มีความเห็นด้วยความเคารพว่า ร่างกฎหมาย และการดำเนินการเพื่อให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นในสังคมไทย ดังกล่าว นั้น น่าจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม และอาจจะส่งผลร้ายต่อสังคมไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม จึงขอแสดงความเห็นคัดค้าน ทั้งนี้ ตามที่จะกล่าวต่อไปนี้

๑. ปัญหาหนี้สินและการเสพติด
การมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายจะทำให้จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ เสพติดการพนันเพิ่มมากขึ้นและรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้เล่นสูญเสียทรัพย์สิน และหนี้สินบานปลายมากขึ้น เป็นจุดตั้งตันของอาชญากรรม การทำผิดกฎหมาย ในฐานต่างๆ การค้ายาเสพลิต ค้ามนุษย์ หรือพฤติกรรมชั่วร้ายต่างๆ
ภาครัฐต้องเสียงบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการปราบปรามอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น เป็นภาระต่อทางราชการอย่างมาก

๒. ผลกระทบต่อสังคมและครอบครัว
สภาพสังคม ครอบครัว วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม จะเปลี่ยนแปลง เสื่อมทรามลงอย่างน่าตกใจ ด้วยการที่ผู้คนหันเหชีวิตไปสู่อบายมุข เห็นดีเห็นงามกับสิ่งอันไม่สมควร เป็นการดำเนินชีวิตในทางที่ผิด

๓. ผลกระทบต่อเยาวชนและการศึกษา
พนันผ่านช่องทางต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ผลก็คือ เยาวชนติดการพนันตั้งแต่ยังอายุน้อย ไม่ใส่ใจต่อการศึกษา อันเป็นการทำลายอนาคตของซาติ ของเยาวชน และของครอบครัว

๔. ปัญหาด้านศีลธรรมและจริยธรรม
การส่งเสริมธุรกิจการพนันถือเป็นการละเมิดต่อศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมของสังคม ขัดและแย้งกับหลักคำสอนของทุกศาสนา ชักจูงให้เกิดการเห็นผิดเป็นชอบ อันจะนำไปสู่ความทุกข์ยากในชีวิต ความรุนแรง และความเดือดร้อน

๕.ผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ
ถึงแม้ว่าการเปิดการพนันถูกกฎหมายอาจจะนำมาซึ่งรายได้แก่รัฐเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความเสียหายในผลกระทบในมิติต่างๆ ในชาติบ้านเมือง รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิต สุขอนามัยที่เสื่อมทราม อันมีต้นเหตุมาจากการมีบ่อนการพนัน เป็นการเพิ่มภาระแก่ภาครัฐในการแก้ไขเยียวยา

๖.อันตรายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ และธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดีของประเทศ
ประเทศไทยได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีจารีตประเพณี วัฒนธรรม และวิถีถีชีวิตอันงดงาม รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ น่าสัมผัส และเรียนรู้ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคการมีบ่อนการพนัน ภาพลักษณ์ และความดีงาม ต่างๆ เหล่านั้น จะแปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อมทราม เป็นอันตรายต่อชื่อเสียงและเกียรติคุณของบ้านเมือง

๗. การเป็นแหล่งอาชญากรรมและการฟอกเงิน
ประเทศไทยถูกจัดอันดับความสุจริตโปร่งใสในลำดับท้ายๆ ที่น่าห่วง อันเป็นผลมาจากปัญหาการทุจริตโกงกินที่ยังมีมาก เป็นภาพ "สีเทา" ที่ไม่ส่งผลดี บ่อนการพนันที่จะมี จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของคนทุจริต ประพฤติมิชอบ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาผู้มีอิทธิพล และก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา เช่น (๑) ผู้มีอิทธิพล กดขี่ข่มเหง การเรียกค่าคุ้มครอง ขูดรีดเงินจากประชาชน (๒) ระบบคุณธรรม ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกัน จะหายไป เงินจะซื้อความถูกต้อง และความยุติธรรมตามกฎหมายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรให้เกิดมีในสังคมไทย จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี

อีกทั้งยังน่าจะเป็นอันตรายต่อระบบการลงทุนของบ้านมือง ธุรกิจการค้าที่ประชาชนดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะถูกเอารัดเอาเปรียบ การแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม และการทำลายล้างในทางที่ไม่ชอบ ไม่สมควร

จากที่กล่าวมาข้างต้น เราจึงเห็นว่า การที่รัฐบาลดำริจะมีสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีบ่อนกาสิโนอยู่ด้วยนั้น น่าจะไม่เป็นผลดีแก่ชาติบ้านเมือง และสังคมไทย เราจึงขอให้รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้บริหารชาติบ้านเมือง และผู้ดูแลรักษาประโยชน์ เพื่อประชาชนไทยทุกคน พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
๑.พิจารณายกเลิกร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยรัฐบาลขอถอนร่างกฎหมายนี้จากสภา หรือ
๒.ขอให้สภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกสภาทุกท่าน ได้พิจารณาและมีมติไม่รับหลักการกฎหมาย
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาติบ้านเมือง และความผาสุกของปวงชนสืบไป

ทางด้านนางสาวสุรีรัตน์ ด่านกุล หรือทนายอ๋อย เปิดเผยว่า ประเด็นนี้เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเล่นการพนัน ซึ่งในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่มีใครว่า จะมีสวนน้ำหรืออะไรที่จะเป็นการสร้างเงินให้กับประเทศก็ทำไป แต่กาสิโนต้องเอาออกไปจากเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะไม่มีใครคัดค้าน เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องช่วยกันฟังเสียงประชาชนที่ไม่ต้องการ เพราะเราเป็นเมืองพุทธ เรื่องการพนันเป็นอบายมุข ผิดศีล และนำความฉิบหายมาสู่บ้านเมืองและประชาชนมากกว่าอย่างอื่น การจะเอาเงินสีเทามาช่วยเหลือคนจน คนแก่ คนพิการ มันไม่ใช่ ต้องดูที่มาของเงินก่อนว่า ไปเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่ประชาชน อยากจะเห็นเวลาเลิกเรียนแล้วนักเรียนมานั่งขายหวยอาทิตย์ละ ๓ วันเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างนั้นหรือ มอมเมาตั้งแต่เด็กๆ

ในขณะที่นายอรุณ อัครปรีดี คหบดีชาวโคราช แสดงความคิดเห็นว่า ในฐานะที่ตนอายุจะ ๙๐ ปีแล้ว และเห็นถึงพิษภัยที่ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาดมากมาย มีความเป็นห่วงลูกหลาน กาสิโนหรือการพนันมีพิษภัยรุนแรง ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่ถ้าติดการพนันไม่เหลือแม้กระทั่งที่ดิน ทรัพย์สมบัติหายหมด เราอย่าไปมองแค่เรื่องเฉพาะหน้า ครั้งแรกอาจจะดูเหมือนมีผลประโยชน์เข้ามา แต่ให้มองระยะยาวถึงลูกหลานอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า จะเสียหายหมด เพราะเป็นการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้หลงใหลมัวเมากับการพนัน อนาคตของชาติจะเสียหายหมด ขนาดอยู่ใต้ดินยังมีคนไปแอบเล่น ถ้ายกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เล่นกันหมดทั่วประเทศ เป็นการคิดแบบสิ้นคิดในการหารายได้เพื่อที่จะมาโชว์ผลงานว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่อนาคตเหมือนเป็นการฆ่ากันตายทั้งชาติ

"เรื่องนี้มีทั้งเหลี่ยมทั้งคู พอรู้ว่ากระแสต่อต้านรุนแรงก็ถอนไปก่อน แต่พอพวกเราเย็นลงทุกคนถอยออกเมื่อไหร่ต้องนำกลับมาอีก  จึงต้องถอนเรื่องนี้ออกไป ไม่ใช่แค่เลื่อน" นายอรุณ กล่าวทิ้งท้าย