October 24,2019
สส.โคราชร่วมอภิปรายงบปี’๖๓ ‘บิ๊กโต’จี้เงินหนุน‘อุทยานธรณี’ ‘ประเสริฐ’ขยี้กองทัพซื้ออาวุธแพง
ส.ส.โคราช ร่วมวงอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๓ “บิ๊กโต” วัชรพล ชี้โคราชเตรียมเป็นดินแดน ๓ มงกุฎของยูเนสโก แต่ปี’๖๓ ไร้งบสนับสนุน วอนสภาฯ อนุมัติงบช่วยเหลือ ด้าน “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ขยี้กองทัพ จัดซื้ออาวุธแพง ใช้เงินโดยไม่จำเป็น
ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ มีการประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ซึ่งในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา เขต ๒ พรรคชาติพัฒนา และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.เขต ๓ พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมอภิปรายด้วย
มาตรการจัดการแหล่งน้ำ
นายวัชรพล โตมรศักดิ์ (บิ๊กโต) กล่าวว่า “เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณ ผมมีโอกาสนั่งฟังเพื่อน ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทุกคนล้วนมาจากประชาชน ขณะนี้ไม่ว่าจะประเทศไทยหรือประเทศในเอเชียล้วนประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงคิดว่า งบประมาณส่วนนี้จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำ ประเด็นที่ผมจะกล่าวถึง เป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เกี่ยวเนื่องกับรายได้ของประเทศ ประเทศไทยมีรายได้หลักเพียง ๒ ทางคือ ๑.การขายสินค้าทางการเกษตร และ ๒.การท่องเที่ยว ถ้าประเทศไทยมีการอัดงบประมาณลงไปในภาคส่วนราชการ และเราก็ช่วยกันบูรณาการ ผมเชื่อว่า เราจะนำพาประเทศต่อไปได้อย่างแน่นอน ผมยกตัวอย่างประเทศจีน ที่สมัยก่อนมีแต่คนพูดว่า ประเทศจีนจะเป็นประเทศที่ล้าหลัง เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรมาก แต่ใครจะไปคิดว่าปัจจุบันก้าวกระโดดไปไกลมาก และกำลังจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก เพราะคนในประเทศของเขา พยายามสร้างคนให้มีความรู้ และที่สำคัญที่สุดเขามองไปไกล มองถึงอนาคตว่า จะสร้างอะไร อย่างเช่น มอเตอร์เวย์ในต่างประเทศ รัฐบาลเขาจะสร้างจุดพักรถให้กับนักท่องเที่ยว ตรงนี้ผมต้องการจะฝากถึงกระทรวงคมนาคม ให้คิดถึงการท่องเที่ยวเพื่อจะได้ช่วยในการดูดเม็ดเงินมา อีกประเด็นหนึ่งที่ผมต้องการจะพูด คือ เรื่องน้ำ วันนี้เรามีรถไฟความเร็วสูง มีโครงการใหญ่ๆ แต่ผมอยากจะเห็นรัฐบาลวางแผนว่า จะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการแหล่งน้ำของทุกสายน้ำ อย่างเช่น ลำตะคอง เมื่อมีงบประมาณลงไปก็ทำเพียงขุดลอกคลองเป็นช่วงๆ ทำอย่างไรจะให้เกิดแผนแม่บท เพราะเมื่อน้ำดี เกษตรกรก็จะดี ถือเป็นการเพิ่มพูนรายได้”
อุทยานธรณีโคราช
“ในส่วนของการท่องเที่ยว ประเทศไทยของเรากำลังจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก เราเรียกว่า “UNESCO Triple Crown” เป็นแหล่งที่ ๓ ของโลก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ที่โคราช มีพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี ๒๕๕๑ จากนั้นในปี ๒๕๕๘ โคราชประกาศให้เป็นแหล่งธรณีของประเทศไทย โดยสถาบันแห่งนี้ เป็นสถาบันวิจัยฟอสซิลนานาชาติ ทำให้กระทรวงทรัพยากรฯ จัดตั้งให้เป็นอุทยานธรณีระดับชาติ เป็นระดับประเทศ และกำลังรอการรับรองจากยูเนสโก ให้เป็นอุทยานธรณีระดับโลกเป็นแหล่งที่ ๒ ในประเทศไทยต่อจากจังหวัดสตูล โดยพื้นที่ที่จะประกาศเป็นอุทยานธรณีนั้น มีอยู่ทั้งหมด ๕ อำเภอ คือ ๑.อำเภอเมือง ๒.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ๓.อำเภอสีคิ้ว ๔.อำเภอสูงเนิน และ ๕.อำเภอขามทะเลสอ ถ้าโคราชเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยได้รับการรับรองจากยูเนสโก ก็จะทำให้ประเทศไทยถูกขนานนามว่า “UNESCO Triple Crown” หรือดินแดน ๓ มงกุฎของยูเนสโก โดยในขณะนี้ยูเนสโกได้จัดเป็นโปรแกรมพัฒนา คือ ๑.ด้านมนุษย์และชีวมณฑล คือพื้นที่บริเวณป่าสะแกราช ประมาณ ๔๘,๘๐๐ ไร่ ๒.มรดกทางธรรมขาติ ที่ผืนป่าดงพญาเย็นหรือเขาใหญ่ มีพื้นที่กว่า ๓๘,๐๐๐ ไร่ และถ้าโคราชได้รับการรับรอง Korat Geopark อีกหนึ่งแห่ง เท่ากับโคราชจะครบทั้ง ๓ อย่างในจังหวัดเดียว และถูกประกาศเป็น “UNESCO Triple Crown” ซึ่งในขณะนี้ในโลกมีเพียง ๒ แห่ง คือ ที่ประเทศเกาหลีใต้และจีน แม้โคราชจะถูกประกาศแล้วเพียง ๒ แห่ง แต่ในขณะนี้ก็มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมเป็นจำนวนมหาศาล อย่างที่ประเทศเกาหลีใต้ คือเมืองเชจู จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวเพียง ๗ ล้านคน แต่ปัจจุบันเกือบถึง ๑๐๐ ล้านคนแล้ว ซึ่งในเดือนธันวาคมนี้ ประเทศญี่ปุ่นจะเดินทางมาที่โคราช เพื่อมาเตรียมความพร้อม เนื่องจากในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ยูเนสโกจะเข้ามาที่โคราช จากเดิมที่โคราชเคยได้รับงบประมาณมาใช้จ่ายในเรื่องนี้ แต่ว่าในปี ๒๕๖๓ โคราชไม่ได้รับงบประมาณเลยแม้แต่บาทเดียว สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นชื่อเสียงของประเทศไทย จึงต้องการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้โปรดจัดสรรงบประมาณ และต้องการให้คนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมาในเดือนพฤษภาคมปีหน้า จะมีการมาตรวจของยูเนสโกเพื่อรับรองการเป็นแหล่งธรณีโลก และกลายเป็น “UNESCO Triple Crown” แห่งที่ ๓ ของโลก ดังนั้น ขอได้โปรดสภาพิจารณางบประมาณเพื่อสนับสนุนในเรื่องนี้ด้วย” นายวัชรพล กล่าว
อัดงบกลาโหมสร้างหนี้ล่วงหน้า
ทางด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อภิปรายการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า “ขอตั้งข้อสังเกตการจัดสรรงบประมาณกองทัพไว้ ๓ ข้อได้แก่ ๑.งบกระทรวงกลาโหมในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๓ โดยเฉพาะโครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ๑๙ โครงการ วงเงิน ๑๖,๕๖๗ ล้านบาท ไม่มีการแสดงรายละเอียดการใช้งบประมาณต่างจากกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทยที่ลงรายละเอียดลึกถึงระดับจังหวัด ๒.การตั้งงบผูกพันของกระทรวงกลาโหมปี ๒๕๖๒-๒๕๖๙ ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองทัพไทย ตั้งงบผูกพันไว้สูงถึง ๘๗,๐๐๐ ล้านบาท ถือว่าเป็นการสร้างหนี้ให้คนไทยล่วงหน้าในอนาคตถึง ๗ ปี และ ๓.สังคมให้ความสงสัยการจัดซื้ออาวุธของกองทัพว่าโปร่งใสเพียงใด”
ไทยซื้อยุทโธปกรณ์แพงเกินเหตุ
“ล่าสุด ป.ป.ช.ประเมินความโปร่งใสหน่วยงานภาครัฐ พบว่า กระทรวงกลาโหมได้คะแนนต่ำสุดเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใส ตนขอยกตัวอย่างการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ AH 6I จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี ๒๕๕๗ ซาอุดิอาระเบียจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวในราคาลำละ ๓๐๐ ล้านบาท แต่ประเทศไทยซื้อในปี ๒๕๖๒ ราคาลำละ ๕๒๘ ล้านบาท แพงกว่ากันถึง ๒๒๘ ล้านบาท ขณะที่กองทัพเรือจัดซื้อเรือลำเลียงพลมือ ๒ จากสหรัฐฯ ในราคาลำละ ๖,๒๐๐ ล้านบาท ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ ๔,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งที่ประเทศไทยมีเรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเป็นเรือลำเลียงพลอยู่แล้ว และยังใช้งานได้ดี แสดงให้เห็นว่าใช้เงินโดยไม่มีความจำเป็น ควรเอาเงินไปแก้ปัญหาด้านราคาพืชผลการเกษตร การศึกษา สาธารณสุขจะเหมาะสมกว่า” นายประเสริฐ กล่าว
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๕๙๙ วันพุธที่ ๒๓ - วันอังคารที่ ๒๙ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
889 1,531